วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

BLACK SABBATH


 
Artist : BLACK SABBATH
Album : Heaven and Hell
Year : 1980
Genre : Heavy Metal
Country : England

line up
Tony Iommi - guitars
Ronnie James Dio - vocals
  Bill Ward - drums
Geezer Butler - bass

      ความยิ่งใหญ่ของ Black Sabbath วงนี้นั้น สามารถเขียนเป็นหนังสือเล่มโตอย่างหนาได้เล่มหนึ่งอย่างสบาย เพราะนี่คือวงดนตรีที่มีส่วนร่วมเขียนหน้าประวัติศาสตร์ของดนตรี rock ให้สมบูรณ์ นับเนื่องจากปลายทศวรรษที่ 60
     งานที่ผมหยิบขึ้นมาเขียนชุดนี้ Heaven and Hell นั้นคือตำนานหน้าใหม่บทที่ 2 ที่ทางวงสร้างงานออกมา อย่างที่ทราบว่า Black Sabbath ในยุคแรกที่ประกอบไปด้วยสมาชิก Bill Ward (กลอง), Geezer Butler (มือเบส), Ozzy Osbourne (นักร้องนำ) และ Tony Iommi (มือกีตาร์) นั้น หลังจากได้สร้างงานระดับยอดเยี่ยม ทั้งซิงเกิ้ลฮิตไม่ว่าจะเป็น Black Sabbath (1970), War Pigs (1971), Paranoid (1971), Iron Man (1971), และตัวอัลบั้มหลายต่อหลายชุด อาทิเช่น Paranoid (1971), Master of Reality (1971), Black Sabbath, Vol. 4 (1972),  Sabbath Bloody Sabbath (1973) ก่อนที่ในปี 1979 Ozzy นักร้องนำจะเดินออกจากวง เพื่อไปเป็น solo artist แล้ว Black Sabbath ก็ได้นักร้องนำรูปร่างเล็ก แต่พลังปอดและน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างน่ากลัวที่ชื่อ Ronnie James Dio จากอดีตวงของมือกีตาร์เจ้าอารมณ์ Ritchie Blackmore คือ Rainbow มารับหน้าที่แทน Ozzy
     และการได้ Dio มาแทนในตำแหน่งนักร้องนำ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของทางวง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นความเป็น Black Sabbath ในทศวรรษใหม่ทันที ทั้งงานดนตรี, concept โครงสร้างของงาน, เนื้อหา และที่โดดเด่นพลิกและสร้างปรากฏการณ์ขึ้นมาใหม่ก็คือ เสียงของ Dio นั่นเอง ซึ่งเสียงที่ทุ้มทรงพลังของเขานั้น จัดว่าอยู่กันคนละขั้วของเสียง Ozzy อย่างหน้ามือเป็นหลังเท้า ซาวด์ดนตรีที่ทำออกมาจึงต้องขับเคลื่อนและดุดัน เพื่อให้รองรับเข้ากับน้ำเสียงของตัว Dio จนผลักดันให้อัลบั้มนี้มีซาวด์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อครั้งสมัยมี Ozzy รับหน้าที่เป็นนักร้องนำ ริฟฟ์กีตาร์ของ Tony นั้นถูกขับเคลื่อนออกมาจากกีตาร์ Gibson SG อย่างหนาทึบ และมวนพุ่ง มีการเพิ่มภาคโซโล่ของกีตาร์ให้ยาวขึ้น ส่วนภาคริธึ่มของกลองและเบสนั้น ก็โดดเด่นด้วยการอุดช่องว่างและเำพิ่มลูกเล่นกับเทคนิคลงไปตลอด เมื่อถึงช่วงโซโล่ในแต่ละเพลง รวมทั้งมีซาวด์ของคีย์บอร์ดมาสร้างบรรยากาศในตัวงานให้ดูลึกลับ และเนื้องานมีมิติ เพราะเนื้ือหาของ Black Sabbath ในยุคที่มี Dio นั้น จะเริ่มเข้าสู่ทั้งเรื่องราวของความเป็น Mystery, มนต์ดำ และตำนาน ที่ชวนพิศวงมากขึ้น เพลงอย่าง Heaven and Hell กับ Neon Knights คือความหนักหน่วงที่ถูกสร้างความน่าสนใจให้มากขึ้นด้วยเนื้อหาอันลุ่มลึก แฝงปรัชญาให้ชวนคิด, Children of The Sea ที่สร้างมิติใหม่กับเพลง metal ด้วยการเปิดแทร็กด้วยอะคูสติกกีตาร์แล้วกระชากคอร์ดกีตาร์ไฟฟ้าแตกสนั่น ตามด้วยเสียงร้องตะเบ็งสุดขั้วหลอดลมกับ Die Young ที่โยกย้ายคีย์ตลอดเพลง ด้วยริฟฟ์ที่มากมาย จนสามารถนำไปเขียนเป็นเพลงได้อีกหลายเพลง และเบรกอารมณ์ด้วยซาวด์คีย์บอร์ด ลดบรรยากาศของเพลงที่ดุดันกับเนื้อหาสุดหดหู่ สองเพลงนี้คือสไตล์ของ Dio ที่ผนวกกับความเป็น Black Sabbath ได้อย่างลงตัว จนยุคถัดๆ มา ทางวงต้องเพิ่มสมาชิกที่เป็นมือคีย์บอร์ดตามมา, Lonely in The World กับริธึ่มเนิบนาม แต่หนักหน่วง และล่องลอยด้วยเสียงคีย์บอร์ด ลากอารมณ์คล้อยตามกับเสียงโซโล่ที่ยาวเหยียด ลูกกัดปิ๊คและลูกดันสายจากนิ้วของ Tony ทั้งชัด ทั้งดุ เข้ากับเสียงร้องของ Dio อย่างแนบเนียน
     อัลบั้มชุดนี้ ออกมาพร้อมกับการเริ่มต้นทศวรรษใหม่ ซึ่งอยู่ในช่วงดนตรี heavy metal กำลังเริ่มปฏิสนธิ และก่อกำเนิดก่อนจะมาบูมสุดขีดในเวลาถัดมา งานชุดนี้จึงเสมือนเป็นงานช่วยเปิดศักราชใหม่ให้ซาวด์ของดนตรี metal มีความชัดเจน และเติบโตอย่างถูกต้อง เป็นทั้งงานชั้นดีที่ถ้าคุณอยากเล่นดนตรี heavy metal ต้องฟัง เริ่มจากทีมเวิร์คในการต้องเล่นเครื่องดนตรี 3 ชิ้น, การคิดค้นท่อนริฟฟ์, การสร้างและปรับแต่งซาวด์ให้หนาทึบดุดัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเล่นให้หรูหราหรือรกและอึกทึกมาก, ความสามารถเฉพาะตัวขั้นพื้นฐานที่นักดนตรีควรจะมี, การเขียนเนื้อหาของเพลงให้มีมุมมองที่ลุ่มลึก กว้างไกล โดยใช้คำที่สื่อความหมายได้หลากหลายและให้แง่คิด และสุดท้าย เสียงร้องของนักร้องนำที่ต้องมีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และมีพลังลมของปอดอย่างมากมายเพียงใด ถ้าคิดจะยืนหยัดอยู่ในวงการ heavy metal และมีคนจดจำตลอดไป เพราะ Dio นี่แหละคือหนึ่งในจำนวนนักร้องสาขา heavy metal เพียงไม่กี่คนที่จัดว่าเป็นปูชนียบุคคล และเป็นแม่แบบให้เด็กรุ่นหลังๆ ต้องเดินตาม หากต้องการจะเป็นนักร้องเพลงแนวนี้
     หากคุณอยากรู้ว่าอัลบั้มที่เรียกกันว่า masterpiece นั้นมีความหมายอย่างไร งานชุดนี้มีคำตอบให้คุณเข้าใจได้อย่างกระจ่างทั้งหมด เป็นอัลบั้มอีกหนึ่งชุดที่ยังทรงพลังอยู่ตลอด ไม่ว่าจะหยิบขึ้นมาฟังเมื่อไหร่ เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดีที่สุดของ Black Sabbath และเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในสาขาดนตรี heavy metal เท่าที่เคยมีการสร้างงานกันมา ตั้งแต่อดีตจวบจนกระทั่งปัจจุบัน.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น